เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช โปรดประทานพระเมตตาให้บัณฑิตในโครงการวิทยบริการสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำ เฝ้ารับเสด็จในพิธีประทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘
วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จมาประทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๘ โดยในกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษานั้น มีอดีตผู้ต้องขังที่สำเร็จการศึกษาในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตามโครงการวิทยบริการสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำด้วย

โครงการวิทยบริการสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำ เป็นโครงการตามแนวพระราชกระแสรับสั่งใน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กับ กรมราชทัณฑ์ ส่งเสริมการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้บุคคลดังกล่าวเข้าใจและน้อมนำหลักธรรมคำสอนไปขัดเกลาจิตใจให้ไพบูลย์ยิ่งขึ้น มีพระราชดำริความตอนหนึ่งว่า
“…ขอให้ช่วยจัดการเรียนการสอนแบบนี้ต่อ ๆ ไป ถ้าขยายห้องเรียนได้ก็เพิ่มรุ่นใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ขยายไปเรือนจำจังหวัดอื่น ๆ ด้วยยิ่งดี วิธีนี้น่าจะได้ผลดีกว่าเรียนหนังสือเฉย ๆ เพราะอันนี้เป็นแนวบูรณาการ ทำให้เขาเห็นว่า พระพุทธศาสนาช่วยพัฒนาและแก้ไขชีวิตได้จริง ๆ…”

เมื่อวันอังคารที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ ณ เรือนจำกลางบางขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
ต่อมา เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กับ กรมราชทัณฑ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้านพระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ต้องขัง ณ เรือนจำกลางบางขวาง สนองพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้รับการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนาพฤตินิสัยและสร้างคนดีคืนสู่สังคม ซึ่งสอดคล้องกับ วิถีที่ ๔: ปฏิบถ ฟื้นฟู เยียวยา นำพา กลับสู่ความสว่างสงบ อันเป็นการเสริมพลังให้สมาชิกในสังคมที่พลัดหลงได้ฟื้นคืนความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณ
พระธรรมวชิรจินดาภรณ์, รศ.ดร. อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และกรมราชทัณฑ์ ตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้านพระพุทธศาสนา และการขยายโอกาสให้แก่ผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะผู้ต้องขัง ให้ได้ศึกษาต่อ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ นำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และกล่อมเกลาจิตใจผู้ต้องขังเพื่อเป็นการคืนคนดีสู่สังคมต่อไป โดยบัณฑิตรุ่นแรกกลุ่มนี้จะเป็นเสมือนผู้เริ่มจุดประกายสังคมให้ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นว่ากลุ่มนักโทษสามารถกลับตัวเป็นคนดีและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ รวมถึงจะยังเป็นแบบอย่างให้กับผู้ต้องขังรายอื่นได้มีความหวังและกำลังใจที่จะพัฒนาตนเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้พร้อมที่จะกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติสุขอีกครั้งหลังพ้นโทษ”
ในการนี้ จึงได้มอบหมายให้คณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย โดยมี พระอุดมวชิรเมธี, ดร. คณบดี พระมหาวิชิต อคฺคชิโต, ดร. หัวหน้าภาควิชาพุทธศาสตร์ และอาจารย์ประจำหลักสูตร ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ภายใต้ “โครงการวิทยบริการสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำ” เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ต้องขัง อันเป็นการพัฒนาพฤตินิสัย เสริมสร้างคุณธรรม และฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้าง “คนดีคืนสู่สังคม”
พระอุดมวชิรเมธี, ดร. คณบดีคณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวว่า “ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ต้องขังสูงเป็นอันดับ ๖ ของโลก และอันดับ ๑ ในอาเซียน โดยกว่าร้อยละ ๗๙ ต้องโทษมาจากคดียาเสพติด ทั้งนี้สาเหตุเริ่มต้นมาจากการขาดโอกาสทางการศึกษาเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังพบว่าสภาพความเป็นอยู่ในคุกมีความแออัดสูงมาก ปัจจุบันมีนักโทษประมาณ ๓๖๗,๖๙๕ ราย แต่พื้นที่จริงรองรับได้ราว ๑๒๐,๐๐๐ รายเท่านั้น ดังนั้นการลงโทษเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางออกของปัญหา การให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้นั้น จึงเป็นแนวทางแก้ไขที่ให้ผลดีกว่า ทั้งกับตัวผู้ต้องขังเองและกับสังคม”
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของโครงการดังกล่าว โดยมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ.) สาขาวิชาพุทธศาสตร์ คณะศาสนาและปรัชญา ซึ่งนำร่องครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ เรือนจำกลางบางขวาง และมีนักศึกษารุ่นแรกที่สำเร็จการศึกษา จำนวน ๘ คน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๒
ต่อมาได้ปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาวิชาพระพุทธศาสนา และในปีการศึกษา ๒๕๖๘ นี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น ๑๓ คน โดยผู้ที่พ้นโทษแล้วเข้ารับประทานปริญญาบัตรได้ จำนวน ๔ คน ส่วนผู้ที่ยังไม่พ้นโทษ ยังคงรอรับพระราชทานปริญญาบัตรต่อไปภายในเรือนจำ
มีนักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษา กล่าวว่า “…กระผมเคยเป็นคนที่หลงผิด เคยทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองและครอบครัวต้องเจ็บปวด เคยคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางกลับมาเป็นคนดีได้อีกแล้ว แต่เมื่อได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยในเรือนจำ ได้เรียนรู้ว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ไม่ว่าจะเคยผิดพลาดมากเพียงใด การได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องกรรม การให้อภัย การกลับตัว และการเริ่มต้นใหม่ ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนจิตใจ จากคนที่เคยเต็มไปด้วยความโกรธ เสียดาย และสิ้นหวัง กลายเป็นคนที่มีสติ มีเมตตา และมีความหวังในชีวิตอีกครั้ง



วันที่ผมได้ยืนอยู่ในพระราชพิธี เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร และเข้าเฝ้ารับเสด็จ เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และสำนึกในบุญคุณของมหาวิทยาลัย คณาจารย์ กรมราชทัณฑ์ และทุกท่านที่ทำให้โครงการดี ๆ นี้เกิดขึ้น ผมจะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ จะตั้งใจเป็นพลเมืองดีของสังคม จะช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังหลงทาง และจะไม่ทำให้ทุกท่านที่ให้โอกาสข้าพเจ้าต้องผิดหวังอีกเด็ดขาด…”
- ปัจจุบัน หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา ภายใต้โครงการวิทยบริการสอนพระพุทธศาสนาในเรือนจำ ในปีการศึกษา ๒๕๖๘ ได้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในเรือนจำและทัณฑสถานรวมทั้งสิ้น ๕ แห่ง มีนักศึกษารวมจำนวน ๑๓๐ คน ประกอบด้วย
- ๑. เรือนจำกลางบางขวาง จำนวน ๕๗ คน
- ๒. เรือนจำกลางระยอง จำนวน ๒๘ คน
- ๓. เรือนจำกลางคลองเปรม จำนวน ๓๔ คน
- ๔. เรือนจำกลางเชียงใหม่ จำนวน ๗ คน
- ๕. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง จำนวน ๔ คน
สำหรับการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการ ได้จัดรูปแบบการเรียนการสอนตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในระบบชุดวิชาแบบต่อเนื่อง (Block Course) ซึ่งเป็นระบบที่มุ่งเน้นการศึกษาเนื้อหาทีละรายวิชาอย่างเข้มข้นในระยะเวลาที่กำหนด โดยกำหนดการเรียนการสอนวิชาละ ๑๖ ครั้ง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพ เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนในแต่ละชุดวิชาจะมีการสอบวัดผลการศึกษาทันที ก่อนเริ่มการเรียนในชุดวิชาถัดไป ทั้งนี้ หลักสูตรดังกล่าวมีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตรทั้งสิ้น ๑๒๓ หน่วยกิต



นอกจากด้านวิชาการแล้ว โครงการยังได้จัดกิจกรรมปฏิบัติธรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสุขภาวะด้านจิตใจแก่ผู้ต้องขัง มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยและสร้างทัศนคติที่ดี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพกลับคืนสู่สังคม โดยได้รับเมตตาจากพระวิปัสสนาจารย์ในการให้ความรู้ ให้คำแนะนำ และนำปฏิบัติอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตลอดช่วงเวลาของการปฏิบัติธรรม
ทั้งนี้ ในอนาคตมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยและกรมราชทัณฑ์ มีเป้าหมายที่จะขยายขอบเขตการดำเนินงานไปยังเรือนจำแห่งอื่น ๆ ที่มีความพร้อม เพื่อให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ อันเป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง และใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างยั่งยืน นับได้ว่ามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมตามหลักศาสนา ที่ได้ขับเคลื่อนนโยบาย “ชูหลักพุทธศาสตร์ คืนคนดีสู่สังคม” อย่างแท้จริง
การจัดการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาภายใต้โครงการนี้ มิใช่เพียงการมอบวิชาความรู้ในระดับปริญญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการมอบโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนผ่านชีวิต เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ใช้หลักธรรมเป็นเข็มทิศในการพัฒนาจิตใจและปรับเปลี่ยนพฤตินิสัย อันจะนำไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ พร้อมกลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมด้วยความภาคภูมิใจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมสงบสุขสืบไป
